เมื่อ นายพลเออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel) ผู้มีฉายาจิ้งจอกทะเลทราย ได้รับมอบหมายจากฮิตเลอร์ให้นำกองทัพแอฟริกา (Afrika Corp) บุกเข้าไปในแอฟริกา กองทัพพันธมิตรในขณะนั้นอ่อนแอ มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ด้อยกว่า รวมทั้งมีขวัญกำลังที่ต่ำกว่าทหารนาซีของรอมเมลเป็นอย่างมาก ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวน ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้อย่างมากมาย จนกระทั่งมาถึงการรบที่เอล อลาเมน รอมเมลยึดเอล อลาเมนได้ แต่เนื่องจากสุขภาพของเขาไม่สู้ดีนัก ประกอบกับอังกฤษได้นายพลที่มีความสามารถทัดเทียมกับฝ่ายเยอรมันนั่นก็คือนายพลมอนทโกเมอรี่ (Montgomery) ผู้มีฉายาว่า หนูทะเลทราย การรบที่เอล อลาเมน ครั้งสำคัญจึงเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายอังกฤษนั้นประกอบกำลังจาก อังกฤษ และทหารจากเครือจักรภพ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฝ่ายเยอรมันมีทหารอิตาเลียนร่วมด้วย แต่ประสิทธิภาพของทหารอิตาเลียนนั้นยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ เพราะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ด้อยกว่าฝ่ายพันธมิตร อีกทั้งมีขวัญและกำลังใจที่เปราะบาง ฝ่ายอังกฤษนั้นมีทหาร 150,000 คน รถถัง 1,114 คัน และปืนใหญ๋อีก 2,182 กระบอก บวกกับเครื่องบินขับไล่อีก 500 ลำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดอีก 200 ลำ ส่วนฝ่ายเยอรมันนั้น มีอาวุธที่ร่อยหรอลงไปมาก นายพลสตุมม์ (Stumme) ผู้ซึ่งรับหน้าที่ในขณะที่รอมเมลบินไปพักรักษาตัวที่เยอรมัน มีกำลังที่น้อยมาก เพราะเส้นทางลำเลียงในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกเรือรบอังกฤษขัดขวางอยู่ตลอดเวลา อาศัยว่ากองทหารเยอรมันของรอมเมลเป็นกองทหารที่มีวินัย มีจิตใจรุกรบ และมีประสบการณ์จึงสามารถต่อกรกับฝ่ายพันธมิตรได้ อย่างไรก็ตามมรการคาดกันว่า ถ้ากองทัพแอฟริกาของรอมเมลมีอาวุธที่เท่าเทียมกับฝ่ายอังกฤษ โฉมหน้าการรบที่เอล อลาเมนคงจะมีบทสรุปที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน เวลา 21.40 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม 1942 ปืนใหญ่ของอังกฤษกว่าหนึ่งพันกระบอกเปิดฉากยิงถล่มใส่แนวของฝ่ายเยอรมันและอิตาลี ทหารอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ เปิดฉากโจมตีหลังจากปืนใหญ่สงบเสียงลง วันที่ 24 ตุลาคม นายพลสตุมม์ หัวใจวายตาย จอมพลรอมเมลกลับมารับหน้าที่ในวันที่ 25 ตุลาคม แม้ว่าในขณะนั้นเยอรมันขาดแคลนทุกอย่างทั้งปืนใหญ่ น้ำมันที่ใช้กับยานเกราะ และที่สำคัญคือขาดแคลนกำลังทางอากาศอย่างมาก แต่กองทัพแอฟริกาของรอมเมลก็สู้อย่างสมศักดิ์ศรี รอมเมลปรากฏตัวอยู่ในแนวหน้าหลายครั้งพร้อมๆกับทหารของเขา บุคคลิกแห่งความเป็นผู้นำของเขาได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการทหารไว้อย่างน่าสรรเสริญ ทำให้เยอรมันตรึงแนวไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ในขณะที่มอนทโกเมอรี่ของอังกฤษทุ่มเททุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นกำลังยานเกราะ และทหารราบ เข้าสู่แนวของเยอรมันอย่างหนักหน่วง และทหารราบนี่เองที่เปิดทางให้กับรถถังเจาะทะลุแนวต้านทานของเยอรมันได้ในที่สุด แม้ว่าจะต้องสูญเสียอย่างหนักก็ตาม ตัวอย่างเช่น กองพลน้อยยานเกราะที่ 9 ของอังกฤษรุกเข้าไปสู่แนวต่อต้านรถถังของเยอรมัน ทำให้ต้องสูญเสียรถถังไปถึง 87 คัน คิดเป็น 75 เปอร์เซนต์ของกำลังทั้งหมดของหน่วย การรบของรถถังที่ยิ่งใหญ๋เกิดขึ้นที่ เทล เอล อะคาเคอ (Tel El Aqqaqir) และในคืนของวันที่ 4 พฤศจิกายน กองทัพที่ 20 ของอิตาลี ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ปีกซ้ายของกองทัพเยอรมันแตก มีช่องว่างอยู่ 12 ไมล์ รอมเมลไม่มีน้ำมันสำหรับรถถังของเขา ไม่มีกำลังสำรองที่จะไปอุดช่องโหว่นั้น แต่เขาก็สามารถถอนทหารของเขาออกไปอย่างมีระเบียบ และสูญเสียน้อยมาก เพราะมอนทโกเมอรี่มัวแต่กังวลที่จะรุกต่อไป และกองทัพอากาศอังกฤษก็ขาดการโจมตีในระดับต่ำ ทำให้อังกฤษสูญเสียโอกาสในการทำลายกองทัพแอฟริกาของรอมเมลไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับยอดผู้เสียชีวิตนั้น เยอรมันเสียชีวิต 10,000 คน บาดเจ็บ 15,000 คน ฝ่ายอังกฤษเสียชีวิต 13,500 คน รถถังกว่า 500 ถูกทำลาย ถึงแม้รอมเมลจะประสบกับความพ่ายแพ้ แต่ความกล้าหาญและความเป็นอัจฉริยะในสนามรบของเขาก็ได้รับการกล่าวขานไปอีกนานเท่านาน
|
นายพล เอลวิน รอมเมล เจ้าของฉายาจิ้งจอกทะเลทราย ผู้บัญชาการกองกำลังแอฟริกา คอร์ป(กองกำลังผสม เยอรมัน- อิตาลี) เป็นนายพลที่มีความกล้าหาญ จนแม้แต่ศัตรูยังต้องยกย่อง |
|
นายพล มอนทโกเมอรี่ เจ้าของฉายาหนูทะเลทราย ผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษ และเครือจักรภพ ผู้นำชัยชนะมาสู่การรบในยุทธการ เอล อลาเมน และการรบในแอฟริกาเหนือ |
|
ทหาร อังกฤษ และ เครือจักรภพ |
|
ทหาร หน่วย แอฟริกา คอร์ป |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น