วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

ยุทธการตอกลิ่ม

ยุทธการตอกลิ่ม


ยุทธการตอกลิ่ม (อังกฤษ: Battle of the Bulge) (หรือที่ชาวเยอรมันเรียกว่า การรุกโต้ตอบอาร์แดน [Ardennes Counteroffensive] และการรุกฟอน รุนด์สเทดท์) (16 ธันวาคม ค.ศ. 1944 - 25 มกราคม ค.ศ. 1945) เป็นการบุกใหญ่ครั้งสุดท้ายของเยอรมนี ผ่านเขตภูเขาอาร์แดนที่มีป่าทึบแห่งวาลโลเนียในเบลเยียม ฝรั่งเศสและลักเซมเบิร์ก บนแนวรบด้านตะวันตกช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่อรหัสการรุกครั้งนี้ของเวร์มัคท์ คือ "อุนเทอร์เนเมนวัคท์อัมไรน์" ("ปฏิบัติการเฝ้าดูไรน์") ตามกลอนสวดสร้างความรักชาติเยอรมัน ไดวัคท์อัมไรน์ ชื่อปฏิบัติการของฝรั่งเศส คือ บาแตลเดอาร์แดนการรุกของเยอรมนีได้รับการสนับสนุนจากปฏิบัติการชั้นรองจำนวนมาก ซึ่งมีชื่อว่า อุนเทอร์เนเมนโบเดนพลัทเทอ ไกรฟ์และแวร์รุง ความมุ่งหมายของเยอรมนีสำหรับปฏิบัติการเหล่านี้ คือ เพื่อผ่าแนวรบสัมพันธมิตรอังกฤษและอเมริกาออกเป็นสอง ยึดแอนต์เวิร์ปและจากนั้นเดินหน้าเพื่อโอบล้อมและทำลายสี่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อบีบให้สัมพันธมิตรตะวันตกเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพซึ่งเอื้อแก่ฝ่ายอักษะเมื่อสัมฤทธิ์ผลแล้ว ฮิตเลอร์จะสามารถมุ่งความสนใจไปยังเขตสงครามทางตะวันออกได้อย่างเต็มที่การรุกดังกล่าวมีการวางแผนเป็นความลับที่สุด จำกัดการสื่อสารทางวิทยุและเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในความมืด แม้เครื่องถอดรหัสอัลตราแนะนัยว่าอาจมีการบุกตี และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพที่ 3 ของสหรัฐอเมริกาทำนายการรุกครั้งใหญ่ของเยอรมนี กระนั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยังประหลาดใจกับการรุกนี้ ซึ่งเป็นเพราะความเหลิงของฝ่ายสัมพันธมิตร การหมกมุ่นกับแผนการรุกของตน และการลาดตระเวนทางอากาศที่เลวการจู่โจมเกือบสมบูรณ์ต่อส่วนที่มีการป้องกันเบาบางของแนวรบฝ่ายสัมพันธมิตรบรรลุผลระหว่างช่วงที่สภาพอากาศมืดครึ้ม ซึ่งตรึงกำลังทางอากาศที่เหนือกว่ามากของฝ่ายสัมพันธมิตร การต้านทานอย่างดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบเมืองสำคัญบาสตอก และภูมิประเทศที่เอื้อต่อฝ่ายตั้งรับ ทำให้ตารางเวลาของเยอรมนีล่าช้ากว่ากำหนด กำลังเพิ่มเติมฝ่ายสัมพันธมิตร รวมทั้งกองทัพที่ 3 ของพลเอกจอร์จ เอส. แพตตัน และสภาพลมฟ้าอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถบุกตีทางอากาศต่อกองกำลังและแนวส่งกำลังของเยอรมนี ทำให้การรุกครั้งนี้ล้มเหลวความปราชัยนี้ทำให้หน่วยที่มีประสบการณ์หลายหน่วยของเยอรมนีขาดแคลนกำลังคนและยุทโธปกรณ์ เนื่องจากผู้รอดชีวิตได้ถอยไปยังแนวซีกฟรีด สำหรับอเมริกา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรบประมาณ 610,000 นาย และมีกำลังพลสูญเสีย 89,000 นาย โดยในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 19,000 นาย ทำให้ยุทธการตอกลิ่มเป็นยุทธการใหญ่ที่สุดและนองเลือดที่สุดที่สู้รบกันในแนวรบด้านตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่สอง

กองทัพเยอรมันทำการเข้าตีแนวรบสัมพันธมิตรในป่าอาร์เดน นับเป็นการรบที่ ฮิตเลอร์ เท หมดหน้าตักเพื่อเปลี่ยนโฉมสงครามฝั่งตะวันตก


หน่วยพลร่มเยอรมัน ทำการโจมตีแนวรบของฝ่ายทหารสหรัฐ 
ทหารสหรัฐ กว่า 1000 นาย ยอมแพ้ต่อกองทัพเยอรมันหลังจากถูก   การโจมตีอย่างฉับพลัน ของเยอรมัน สามารถทำความเสียหายต่อกองทัพสหรัฐเป็นอย่างมาก
ทหารจากกองพลร่มที่ 101 ของสหรัฐ ได้เข้ามาเสริมแนวป้องกันที่เมือง บาศตง

ทหารเยอรมัน เข้าตีแนวรบของฝ่ายอเมริกัน โดย เป็นการรวมกำลังจาก กองพลทหาราบ 
กองพลยานเกราะ กองพลเอสเอส  กองพลร่ม และอื่นๆ


ทหารราบอเมริกัน กำลังทำการป้องกันแนวรบของตัวเองจากการบุกของกองทัพเยอรมัน

ทหารกองพลร่มที่ 101 ของกองทัพอเมริกา ทำการวางแนวป้องกันเมือง บาศตง หลังจากโดนกองทัพเยอรมันล้อมเอาไว้ ซึง ทหารกองพลร่ม101 ได้ทำการยืนหยัดต่อต้านอย่างทรหด สามารถป้องกันการเข้าโจมตีของกองทัพเยอรมันได้หลายครั้ง จนกระทั้ง นายพล จอร์จ เอส แพ็ตตัน นำกำลังมาปลดปล่อยเมืองและตีโต้กลับไป เมือง บาศตง ซึงถือว่าเป็นจุดยุทธสาสตร์ สำคัญมากๆหากโดนยึดไปอาจจะทำให้กองทัพอเมริกาต้องล่าถอยออกจากป่าอาร์เดนและอาจเปลี่ยนโฉมสงครามฝั่งตะวันตก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น