ยุทธการตอกลิ่ม
ยุทธการตอกลิ่ม (อังกฤษ: Battle of the Bulge) (หรือที่ชาวเยอรมันเรียกว่า การรุกโต้ตอบอาร์แดน [Ardennes Counteroffensive] และการรุกฟอน รุนด์สเทดท์) (16 ธันวาคม ค.ศ. 1944 - 25 มกราคม ค.ศ. 1945) เป็นการบุกใหญ่ครั้งสุดท้ายของเยอรมนี ผ่านเขตภูเขาอาร์แดนที่มีป่าทึบแห่งวาลโลเนียในเบลเยียม ฝรั่งเศสและลักเซมเบิร์ก บนแนวรบด้านตะวันตกช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่อรหัสการรุกครั้งนี้ของเวร์มัคท์ คือ "อุนเทอร์เนเมนวัคท์อัมไรน์" ("ปฏิบัติการเฝ้าดูไรน์") ตามกลอนสวดสร้างความรักชาติเยอรมัน ไดวัคท์อัมไรน์ ชื่อปฏิบัติการของฝรั่งเศส คือ บาแตลเดอาร์แดนการรุกของเยอรมนีได้รับการสนับสนุนจากปฏิบัติการชั้นรองจำนวนมาก ซึ่งมีชื่อว่า อุนเทอร์เนเมนโบเดนพลัทเทอ ไกรฟ์และแวร์รุง ความมุ่งหมายของเยอรมนีสำหรับปฏิบัติการเหล่านี้ คือ เพื่อผ่าแนวรบสัมพันธมิตรอังกฤษและอเมริกาออกเป็นสอง ยึดแอนต์เวิร์ปและจากนั้นเดินหน้าเพื่อโอบล้อมและทำลายสี่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อบีบให้สัมพันธมิตรตะวันตกเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพซึ่งเอื้อแก่ฝ่ายอักษะเมื่อสัมฤทธิ์ผลแล้ว ฮิตเลอร์จะสามารถมุ่งความสนใจไปยังเขตสงครามทางตะวันออกได้อย่างเต็มที่การรุกดังกล่าวมีการวางแผนเป็นความลับที่สุด จำกัดการสื่อสารทางวิทยุและเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในความมืด แม้เครื่องถอดรหัสอัลตราแนะนัยว่าอาจมีการบุกตี และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพที่ 3 ของสหรัฐอเมริกาทำนายการรุกครั้งใหญ่ของเยอรมนี กระนั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยังประหลาดใจกับการรุกนี้ ซึ่งเป็นเพราะความเหลิงของฝ่ายสัมพันธมิตร การหมกมุ่นกับแผนการรุกของตน และการลาดตระเวนทางอากาศที่เลวการจู่โจมเกือบสมบูรณ์ต่อส่วนที่มีการป้องกันเบาบางของแนวรบฝ่ายสัมพันธมิตรบรรลุผลระหว่างช่วงที่สภาพอากาศมืดครึ้ม ซึ่งตรึงกำลังทางอากาศที่เหนือกว่ามากของฝ่ายสัมพันธมิตร การต้านทานอย่างดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบเมืองสำคัญบาสตอก และภูมิประเทศที่เอื้อต่อฝ่ายตั้งรับ ทำให้ตารางเวลาของเยอรมนีล่าช้ากว่ากำหนด กำลังเพิ่มเติมฝ่ายสัมพันธมิตร รวมทั้งกองทัพที่ 3 ของพลเอกจอร์จ เอส. แพตตัน และสภาพลมฟ้าอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถบุกตีทางอากาศต่อกองกำลังและแนวส่งกำลังของเยอรมนี ทำให้การรุกครั้งนี้ล้มเหลวความปราชัยนี้ทำให้หน่วยที่มีประสบการณ์หลายหน่วยของเยอรมนีขาดแคลนกำลังคนและยุทโธปกรณ์ เนื่องจากผู้รอดชีวิตได้ถอยไปยังแนวซีกฟรีด สำหรับอเมริกา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรบประมาณ 610,000 นาย และมีกำลังพลสูญเสีย 89,000 นาย โดยในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 19,000 นาย ทำให้ยุทธการตอกลิ่มเป็นยุทธการใหญ่ที่สุดและนองเลือดที่สุดที่สู้รบกันในแนวรบด้านตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่สอง
|
กองทัพเยอรมันทำการเข้าตีแนวรบสัมพันธมิตรในป่าอาร์เดน นับเป็นการรบที่ ฮิตเลอร์ เท หมดหน้าตักเพื่อเปลี่ยนโฉมสงครามฝั่งตะวันตก |
|
หน่วยพลร่มเยอรมัน ทำการโจมตีแนวรบของฝ่ายทหารสหรัฐ |
|
ทหารสหรัฐ กว่า 1000 นาย ยอมแพ้ต่อกองทัพเยอรมันหลังจากถูก การโจมตีอย่างฉับพลัน ของเยอรมัน สามารถทำความเสียหายต่อกองทัพสหรัฐเป็นอย่างมาก |
|
ทหารจากกองพลร่มที่ 101 ของสหรัฐ ได้เข้ามาเสริมแนวป้องกันที่เมือง บาศตง |
|
ทหารเยอรมัน เข้าตีแนวรบของฝ่ายอเมริกัน โดย เป็นการรวมกำลังจาก กองพลทหาราบ
กองพลยานเกราะ กองพลเอสเอส กองพลร่ม และอื่นๆ
|
|
ทหารราบอเมริกัน กำลังทำการป้องกันแนวรบของตัวเองจากการบุกของกองทัพเยอรมัน |
|
ทหารกองพลร่มที่ 101 ของกองทัพอเมริกา ทำการวางแนวป้องกันเมือง บาศตง หลังจากโดนกองทัพเยอรมันล้อมเอาไว้ ซึง ทหารกองพลร่ม101 ได้ทำการยืนหยัดต่อต้านอย่างทรหด สามารถป้องกันการเข้าโจมตีของกองทัพเยอรมันได้หลายครั้ง จนกระทั้ง นายพล จอร์จ เอส แพ็ตตัน นำกำลังมาปลดปล่อยเมืองและตีโต้กลับไป เมือง บาศตง ซึงถือว่าเป็นจุดยุทธสาสตร์ สำคัญมากๆหากโดนยึดไปอาจจะทำให้กองทัพอเมริกาต้องล่าถอยออกจากป่าอาร์เดนและอาจเปลี่ยนโฉมสงครามฝั่งตะวันตก
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น