ปืนไรเฟิลกระบอกนี้ นั้น จะนิยมใช้กับพวกทหารนาซีของฝ่ายเยอรมัน
กัน มันเป็นปืนไรเฟิลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงมากทั้งความ
แม่นยำที่สูงมาก และใช้กระสุนไรเฟิลที่มีอำนาจในการสังหารหยุดยั้ง
ที่ดีเยี่ยมมากนั้นเอง แล้วรวมไปถึง แรงสะท้อนที่คุมง่ายและไม่ถีบ
มากๆของเจ้า KAR98 นั้นเอง และการดึงคั้นรั้งก่อนยิงที่รวดเร็วทันใจ
และเป็นปืนที่มีความเที่ยงตรงสูงมากนั้นเอง และการบรรจุกระสุนของ
มันที่รวดเร็วทันใจของเจ้าปืนกระบอกนี้นั้นเอง ทำให้มันเป็นปืนที่ใช้
ผ่านในสนามรบในสงครามหลายประเทศ หลายพื้นที่มากๆนั้นเอง
MP 40
ปืนกล รุ่นนี้ใช้กระสุนขนาด 9 มม. ส่งกระสุนด้วยซองกระสุนบรรจุกระสุน 32 นัด อัตราความเร็วในการยิง 500 นัดต่อนาที เป็นปืนที่ทหารเยอรมันใช้ในระยะประชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารของหน่วย เอส เอส มักนิยมใช้ปืน MP 40 เป็นอาวุธประจำกาย รวมทั้งทหารประจำรถถัง หรือหน่วยยานเกราะ ตลอดจนหน่วยพลร่ม ก็ใช้อาวุธชนิดนี้เป็นอาวุธประจำกาย เพราะไม่ยาวเกะกะ มีความคล่องตัวสูง บรรจุกระสุนได้มาก บำรุงรักษาง่าย และมีความทนทาน ไม่แต่เฉพาะทหารเยอรมันเท่านั้นที่ชมชอบปืนรุ่นนี้ ทหารพันธมิตร และทหารรัสเซียก็มักจะนำไปใช้ เมื่อยึดมันมาได้จากทหารเยอรมัน
Gewehr43
ในช่วงต้นสงครามเยอรมันได้ผลิตปืน Gewehr 41 มา แต่ไม่ได้รับความนิยมเพราะมีความยุ่งยากในการบรรจุกระสุนและเชื่อถือไม่ค่อยได้ หลังจากที่ได้ยึดปืน SVT-40ของโซเวียตมาได้ วิศวกรของเยอรมันได้สังเกตุการโหลดกระสุนด้วยแก๊สที่ดีเยี่ยมของ SVT-40 ทำให้พวกเขาได้นำระบบนั้นมาออกแบบ Gewehr 43 ทำให้มันโหลดกระสุนได้ง่ายและมีความแม่นยำสูงด้วย
STG44
"SturmGewehr" มีความหมายว่า "Storm Rifle" (Storm Troopersคือชื่อเรียกของกองทัพบกนาซีที่มีความสามารถจู่โจมได้รวดเร็วคล้าย พายุดังนั้น Storm Rifle ก็คือ ปืนไรเฟิลจู่โจมของกองทัพบกนาซี)เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ กองทัพบกอังกฤษ จึงเรียกมันว่า "Assault rifle model 1944"หรือปืนไรเฟิลจู่โจมโมเดล 1944 โดย StG.44 นั้นได้รวมคุณสมบัติของCarbines (ปืนไรเฟิลที่เบาและสั้น) Submachine guns (ปืนกลเบา) และAutomatic rifles (ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ)จนกลายมาเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมแบบแรกของกองทัพบกนาซีและ แบบแรกของโลกซึ่งปืนไรเฟิลจู่โจมที่ผลิตกันต่อๆ มาก็อาศัยพื้นฐานของ StG.44 แทบทั้งสิ้น
MG42
ปืนกล MG 42 นำเอาปืนกลแบบ MG 34 มาประกอบใหม่ ใช้หลักการเดิม คือการผสมผสานระหว่างแรงสะท้อนของกระสุน และระบบแก๊ส ปืนกล MG 42 ใช้ระบบส่งกระสุนขนาด 7.92 มม. เหมือนปืนกล MG 34 คือใช้ได้ทั้งการใช้สายกระสุนขนาด 50 นัด และกล่องบรรจุกระสุนที่เรียกว่า ดรัม (Drum) ซึ่งดรัมนี้มสองแบบ คือ แบบดรัมเดียว และสองดรัมติดกัน มีอัตราการยิง 1200 นัดต่อนาที ระยะยิงไกลถึง 2,000 ม. หรือ 2 กม.ปืน กล MG 42 มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในกองทัพเยอรมัน แม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการสั่นของตัวปืน ขณะทำการยิง ส่งผลถึงความแม่นยำของการยิงก็ตาม มันถูกใช้อย่างแพร่หลายจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และกลายเป็นต้นแบบของปืนกลยุคใหม่อย่างเช่น ปืนกล M 60 ของกองทัพสหรัฐอเมริกา
MG34
การ ทำงานของปืนกล MG 34 นี้ ใช้การทำงานผสมผสานระหว่าง การใช้แรงสะท้อนถอยหลังของดินปืน และแก๊ส ในการยิงแต่ละครั้ง นับเป็นการผสมผสาน ที่ไม่ค่อยจะมีใช้กัน ในระบบการยิงของปืนกลในยุคสมัยนั้น และถือเป็นความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของการประดิษฐ์ระบบการยิงด้วยวิธีนี้ของ Louis ผู้ผลิตปืนกล MG 34ปืนกล MG 34 ใช้ระบบส่งกระสุนขนาด 7.92 มม. ได้ทั้งการใช้สายกระสุน และกล่องบรรจุกระสุนที่เรียกว่า ดรัม (Drum) ซึ่งดรัมนี้มสองแบบ คือ แบบดรัมเดียว และสองดรัมติดกัน มีอัตราการยิง 800-900 นัดต่อนาที ระยะยิงไกลถึง 2,000 ม. หรือ 2 กม.ปืนกล MG 34 มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในกองทัพเยอรมัน แม้ว่าปืนกลรุ่นใหม่อย่าง MG 42 จะเกิดขึ้นมาในปี 1942 และมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า MG 34 แต่ MG 34 ก็เป็นปืนกลที่ทหารเยอรมันยังคงใช้อยู่ทุกแนวรบ จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
Panzercheck
ปืนต่อต้านรถถังของเยอรมัน มีอำนาจการทำลายล้างสุงมากสามารถเจาะรถถังฝ่ายสัมพันธมิตรได้เกือบจะทุกคัน
Panzerfaust
ปืนต่อต้านรถถังอีกรุ่นหนึงของเยอรมัน มีขนาดที่เล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าpanzercheck มากพกพาไปไหนสะดวกแม้แต่เด็กยังสามารถยิงมันได้ แต่อนุภาพทำลายล้างไม่ต่างกับ panzercheck
FG42
FG42 คือปืนไรเฟิลอเนกประสงค์ระบบ Gas-operated rotating bolt ของหน่วยพลร่มเยอรมันได้รับการออกแบบให้มีลักษณะการใช้งานเป็นทั้ง Battle Rifle เเละ LMG ไปในตัวรุ่นแรกที่ผลิตและนำเข้าประจำการจะมีด้ามจับเป็นทรงเอียงและพานท้ายที่เป็นเหล็กทั้งชิ้น รุ่นต่อมาได้รับการออกแบบด้ามจับใหม่ให้เหมาะแก่การใช้งานมากยิ่งขึ้นและพานท้ายถูกเปลี่ยนเป็นไม้พร้อมกับเพิ่มรางติดกล้องสำหรับการซุ่มยิงเพิ่มเติมจากที่รุ่นแรกที่ผลิตออกมานั้นไม่มีรางติดกล้องเล็งเพิ่มเติมทุกกระบอก ปืนรุ่นนี้คือหนึ่งในปืนที่แสดงถึงความยอดเยี่ยมทางวิศวกรรมของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 บรรจุ 20 นัดตาม ขนาดกระสุน 7.92x57mm ตามมาตรฐานกองทัพเยอรมันในสมัยนั้
Luger P08
ปืนนี้จริงๆ เป็นปืน P08 เวอร์ชั่นปืนทองคำของบริษัท LUGER สัญชาติเยอรมัน ใช้กระสุน 9 MM กับ 7.65 MM เป็นปืนพกที่มีความสวยงามเเละมีเอกลักษณ์ทางด้านศิลปะสูง ด้วยลวดลายเเกะสลักภาพปืนอย่างสวยงามปราณีต โครงปืนหน้าจะทำจากทองคำเยอะน่ะ รูปร่างสวยน่าจับน่าชมน่าสัมผัสมาก มีความคลาสิคมากๆ ความรุนเเรงอยู่ในระดับพอใช้ถึงปานกลาง P08 เป็นปืนที่ได้รับความนิยมมากเเล้วถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ จนในปัจจุบันก็ยังเห็นมีขายตามร้านขายอาวุธบางเเห่งหลายร้าน เเล้วดัดเเปลงให้เท่เเละทันสมัยขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก เเถมยังถูกหลายประเทศนำไปก็อปปี้อีกตังหาก
Walther p38
ในช่วงกลางปี 1930s กองทัพเยอรมันมีความต้องการปืนพกที่สามารถผลิตต่อครั้งได้ง่ายเเละมากกว่า Luger P08 โดบมีบริษัท Carl Walther Waffenfabrik เข้ามารับหน้าที่ออกเเบบโดยเสนอปืนพกระบบ Short recoil Walther P38 เเรกเริ่มได้ถูกออกเเบบให้เป็นปืนนกในเเต่ทางกองทัพได้ร้องขอให้นำนกสับออกมาด้านนอกจนการปรับปรุงครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นในปี 1939 Walther P38 ได้รับการผลิตจำนวนมากเพื่อเเทนที่ Luger P08 เเต่อย่างไรก็ตามทุกกองกำลังติดอาวุธของเยอรมันก็ยังคงใช้ปืนทั้งสองรุ่นควบคู่กันไปจนจบสงครามโลกครั้งที่ 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น